วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พระเดินขบวนเรียกร้อง กดดัน ข่มขู่ ก้าวร้าว ได้เหรอ???

"สมณ" แปลว่า "ผู้สงบ" พระ คือนักบวชในพระพุทธศาสนา ดังนั้นเมื่อสละเพศฆราวาสสู่เพศบรรพชิต เพื่อมุ่งลดละกิเลสสู่ความเป็นพระอริยเจ้าขั้นสูงสุดมีพระนิพพานเมืองแก้วเป็นที่สุดท้าย แม้แต่จะเอ่ยปากขอปัจจัยสี่กับฆราวาสที่ไม่ได้ปวารนาตัวไว้ก็ยังไม่ได้เลย แต่นี่ นักบวชเหล่านี้มาเดินขบวน ไปกันเป็นกลุ่มเพื่อแสดงพลังให้เห็น ถึงไม่พูดก็มีความหมายเดียวกันว่า "กดดัน" ซึ่งต่างจากคำว่า "ภิกษุ" คือ "ผู้ขอ" (แบบไม่พูด)ส่วนตัวผมว่า โจรในผ้าเหลืองดีๆ นี่เอง

----------------------------

บรรดาท่านทั้งหลายคงเคยเห็น นักบวชในพุทธศาสนาที่โกนหัวห่มผ้าเหลือง เดินขบวนเรียกร้องทางการเมืองและเรียกร้องต่างๆ ต่อองค์กรต่างๆ หรือต่อองค์กรของรัฐบาล โดยแสดงกิริยามารยาทไม่เหมาะสมกับความเป็นนักบวชในพระพุทธศานา เช่น พูดจากร้าวร้าว ท้าทาย ข่มขู่ กดดันด้วยวิธีต่างๆ ทำไฮปาร์ค นอนแผ่หราบนถนนคอนกรีตต่อหน้าสาธารณชน ปีนขึ้นไปบนบาตแล้วคว่ำบาตที่หน้าทำเนียบ

สำหรับเหตุผลที่อ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องทางการเมืองให้รัฐบาลบรรจุพระพุทธศาสนาไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นศาสนาประจำชาติ โดยไม่เห็นหัวศาสนาอื่น หรือการเดินขบวนเรียกร้องต่อต้านกรณีภาพเขียนวิจารณ์นักบวชที่ทุศีล หาว่าดูหมิ่นศาสนาทั้งๆ พฤติกรรมนักนักบวชเหล่านี้ชวนสงสัยว่าทำลายหรือส่งเสริมกันแน่ หรือการออกแถลงการณ์เข้าร่วมทางการเมืองและเดินนำหน้าขบวนฆราวาส หรือที่หนักยิ่งกว่านั้นที่กระทรางมหาดไทยช่วงประกาศ พรบ.ฉุกเฉินเดือนเมษายน ๕๒ ก็เห็นภาพนักบวชห่มผ้าเหลืองร่วมขบวนและวิ่งไปเอาเท้ากระทืบรถยนต์ของนักการเมืองอย่างโกรธแค้น และองค์เดียวกันนี้แหละที่พกอาวุธปืนไปข่มขู่ประชาชน ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง หรือในอดีตช่วงประมาณปี พศ.๑๕๑๖-๑๘ ก็มีนักบวชที่อ้างว่าเป็นองค์กรชาวพุทธเดินขบวนเรียกร้องทางการเมือง หรือเมื่อไม่กี่วันมานี้ พระภิกษุกลุ่มหนึ่งเดินขบวนกดดันต่อต้านการแต่งตั้งเจ้าอาวาสคนใหม่ หรือแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านเราก็เห็นมีนักบวชจำนวนมาก เดินขบวนเรียกร้องทางการเมืองอย่างยิ่งใหญ่มาก เดินนำขบวนฆราวาส

พฤติกรรมเหล่านี้เราเริ่มเห็นบ่อยมากขึ้นๆ จนเจนตา ซึ่งส่วนตัวเข้าใจว่าบรรดาชาวพุทธส่วนใหญ่ยังคลางแคลงใจว่าทำได้หรือไม่ หรือบางส่วนก็มองแบบสลดสังเวช และสมเพชที่เห็นพฤติกรรมเหล่านี้ และมองว่าทำตัวไม่เหมาะกับความเป็นนักบวชที่เรียกว่าพระภิกษุที่ถือเป็นปูชนียบุคคลที่ควรกราบไหว้

ตามข้างต้นนั้น ยิ่งรู้สึกสลดหดหู่ใจมากยิ่งขึ้นเมื่อทราบว่า ท่านเหล่านี้เป็นนักบวชใน นิกายเถรวาท หรือ หินยาน หรือ ลังกาวงศ์ เสียด้วย ซึ่งเป็นนิกายที่ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด ตรงตามแบบต้นฉบับครบถ้วน เป็นต้นแบบของพุทธศาสนาจริงๆ กล่าวคือเป็นนิกายที่ "คนต้องปรับตัวเข้าหาศาสนา" ไม่เหมือนชาวพุทธบางกลุ่มที่แยกตัวออกไปตั้งนิกายใหม่ เช่น มหายาน ชินโต ฯลฯ ที่พยาม "ปรับศาสนาให้เข้ากับคน" ซึ่ง พระดื่มเหล่าได้ พระมีครอบครัวได้ พระไม่ต้องครองผ้าไตรจีวรแบบห่ม แต่ทำเป็นเสื้อ-กางเกงแทน และสีก็ไม่ใช่สีเหลือง (ส่วนตัวคิดว่า การที่ให้ท่านพระห่มครองไตรจีวร เพราะต้องการให้มีความสำรวม ถ้าเป็นเสื้อกางเกงอาจไม่สำรวม เพราะการเดินการวิ่งมันคล่องแคล่วกว่าเยอะ)

ถามว่า แล้วพระภิกษุเดินขบวนเรียกร้อง ออกแถลงการณ์เรียกร้อง หรือออกแถลงการณ์เข้าร่วมทางการเมือง หรือแสดงการกดดัน ข่มขู่ กร้าวร้าว ได้ไหม ถ้าท่านเป็นศิษย์หรือคนที่เคารพนับถือพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ลองไปหาคำตอบโดยฟังเทปชื่อ "วิสาขาคนสวย วิสาขาคนรวย" ดูซิครับ ท่านอาจจิตใจสว่างขึ้น

ศ.ธรรมทัสสี